สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพะเยา สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพะเยา ได้จัดหาวิทยากรมาฝึกอบรม ให้ความรู้เพิ่มทักษะเกี่ยวกับการนำผักตบชวามาตากแห้งโดยการผึ่งแดด และการนำมาอบกำมะถัน ผลิตภัณฑ์ที่ฝึกหัดจักสาน ได้แก่ กระจาดรูปไข่ จานรองแก้ว ฯลฯ เป็นต้น จนกระทั่งกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้พิจารณาคัดเลือก หมู่บ้านสันป่าม่วง เป็นหมู่บ้านอุตสาหกรรมชนบทเพื่อการท่องเที่ยว ตามโครงการหมู่บ้านอุตสาหกรรม หลังจากนั้นได้มีส่วนราชการต่างๆ เข้ามาให้การสนับสนุนและส่งเสริมพัฒนารูปแบบและกระบวนการผลิต ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลสันป่าม่วง สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเมืองพะเยา สำนักงานสหกรณ์จังหวัดพะเยา สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพะเยา ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนอำเภอเมืองพะเยา และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพะเยา ฯลฯ สนับสนุนงบประมาณ จัดฝึกอบรมทำผลิตภัณฑ์ผักตบชวาขั้นเพิ่มทักษะ สนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนฯ เป็นต้น ปัจจุบันได้มีการพัฒนาที่กระบวนการผลิต รูปแบบ ความคงทน และความสวยงาม เป็นที่ต้องการของตลาด ตลอดจนมีการขยายกำลังการผลิตไปยังหมู่บ้าน/ตำบล ที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อให้มีกำลังผลิตที่เพียงพอกับการรับคำสั่งซื้อของตลาดได้ สร้างรายได้เป็นสินค้า OTOP แก่ชุมชนชาวพะเยา
งาช้าง จังหวัดน่าน
งาช้างดำ เป็นของโบราณเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง เป็นงาช้าง 1 ข้าง ไม่ได้มีสีดำสนิทอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นงาช้างสีออกน้ำตาล มีครุฑตัวสีน้ำเงินปีกทองแบกงาช้างอยู่อีกที งาช้างกิ่งนี้ไม่ระบุที่มาแน่ชัด แต่จากตำนานที่เล่าสืบต่อมาระบุว่า อดีตเจ้าผู้ครองนครน่านได้มาจากเมืองเชียงตุง ตอนนั้นเชียงตุงมีงาช้างดำ 1 คู่ เลยแบ่งให้นครน่านมา กิ่งเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี เดิมเก็บไว้ใน “หอคำ”หรือวังของเจ้าผู้ครองนคร จนเมื่อเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้ายถึงแก่พิราลัย(เสียชีวิต) ในปี พ.ศ. 2474 บุตรหลานของเจ้าผู้ครองนครจึงมอบให้เป็นสมบัติของเมืองน่าน
ส่วนตัวครุฑที่ทำแบกรับงานั้น ทำจากไม้สักทั้งท่อน สร้างเมื่อปี 2469 ช่วงนั้นมีข่าวว่าเจ้าเมืองทางเหนือบางเมืองแข็งข้อก่อการกบฏ เจ้าเมืองน่านจึงให้ทำครุฑ ขึ้นมาแบกงาช้างดำวัตถุคู่บ้านคู่เมืองเพื่อ เป็นการแสดงสัญลักษณ์ให้เห็นว่า นครน่านในยุคนั้น ยังจงรักภักดีต่อกรุงราชวงศ์จักรี แห่งกรุงรัตนโกสินทร์อยู่ ไม่เสื่อมคลาย
งาช้างดำนี้มีความเชื่อว่า ถ้าใครไปเก็บไว้ในครอบครองแล้วจะเกิดอาเพศ แต่ถ้าเมืองไหนมีไว้เป็นของส่วนรวม จะถือเป็นวัตถุมงคลที่เกิดผลดีต่อบ้านเมืองนั้น “จากข้อมูลของนักวิชาการ ที่ศึกษางาช้างดำกิ่งนี้พบว่าเป็นงาช้างตันที่ถูก ดึงมาทั้งยวงจากตัวช้าง งาช้างมีอายุหลายร้อยปี ส่วนตัวช้างเจ้าของงาน่าจะมีอายุอยู่ประมาณ 60 ปี นักวิชาการสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นงาข้างซ้าย เพราะดูจากลักษณะการเสียดสีของ ปลายงา” รูปลักษณะของงาเป็นงาปลี วัดโดยรอบตรงโคนโต 47 เซนติเมตร ยาว 94 เซนติเมตร น้ำหนัก 18 กิโลกรัม สีน้ำตาลไหม้เกือบเป็นสีดำ ข้างในกลวงตอนโคนลึกเพียง 14 เซนติเมตร จึงถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง จะตกไปเป็นเอกสิทธิ์ของเอกชนคนใดไม่ได้ และต้องถือว่า เป็นของคู่บ้านคู่เมืองน่านตลอดไป เดิมงาช้างกิ่งนี้ เก็บรักษาไว้ในศาลากลางจังหวัดน่าน ต่อมากรมศิลป์ได้รับมอบให้นำมาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ฯน่าน เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2525”
เสื้อม่อฮ่อม (จังหวัดแพร่)
ผ้าม่อฮ่อม เป็นผ้าพื้นเมืองที่สำคัญของจังหวัดแพร่ คำว่าม่อฮ่อม เขียนได้หลายแบบ เช่น ม่อห้อม,หม้อฮ่อม,หม้อห้อม ซึ่งแล้วแต่ใครจะนำมาใช้ แต่ ความหมายที่แท้จริงนั้น เหมือนกันทุกคำ คือ เสื้อผ้าที่มีสีครามที่เกิดจากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษชาวไทย เป็นการใช้ผ้าฝ้ายที่ได้จากการทอ ย้อมด้วยสีครามที่ได้จากต้นฮ่อมหรือต้นคราม จะได้ผ้ามีสีเดียวกันตลอดทั้งผืน ปัจจุบันนำมาตัดเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น กางเกง กระโปรง เสื้อ ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น งานเทศกาลต่างๆ เช่น ลอยกระทง ,สงกรานต์ ,วันขึ้นปีใหม่ , งานบุญประจำปี , งานไหว้พระธาตุ , การท่องเที่ยว และอื่นๆ อีกมากมาย ม่อฮ่อมเป็นที่นิยมในการสวมใส่ของคนภาคเหนือ และของคนทั่วประเทศ ซึ่งแสดงได้ถึงเอกลักษณ์ผ้าไทย ที่เหมาะกับทุกเทศทุกวัย
หมวกกุ๊ปไต (จังหวัดแม่ฮ่องสอน)
“กุ๊บไต” เป็นภาษาท้องถิ่นของชาวไทใหญ่เรียกกันทั่วไป หรือเรียกอีกชื่อหนึ่ง คือ หมวกจักรสานซึ่งมีประโยชน์ใช้สอย คือใช้สวมศีรษะเพื่อกันแดดหรือกันฝน และสวมในการประกอบกิจกรรมต่าง ๆ เช่นการเดินขบวนกิจกรรมงานประเพณีต่าง ๆ เพื่อแสดงเอกลักษณ์ของท้องถิ่นและบางแห่งก็ใช้ในการตกแต่งร้านค้าบ้านเรือน และสถานที่ที่มีการแสดงนิทรรศการต่าง ๆ เพื่อความสวยงามหรือเพื่อแสดงถึงเอกลักษณ์และประโยชน์ใช้สอย ในปัจจุบัน นิยมซื้อเป็นของฝากของชำร่วยของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในจังหวัด แม่ฮ่องสอน
มีดเหล็กน้ำพี้ (จังหวัดอุตรดิตถ์)
“เหล็ก น้ำพี้” คือวัตถุอาถรรพ์ ซึ่งสถิตอยู่ภายในถ้ำบนภูเขาสูงในป่าลึก ซึ่งจะผสมปะปนอยู่ในเนื้อแร่สีดำสนิท หรือสีขาวขุ่น และเชื่อกันว่า “เหล็กน้ำพี้” สามารถลบล้างอาถรรพ์ อันเกิดจากคุณไสย์ มนต์ดำ ลมเพลมพัด และมีอำนาจป้องกันภูตผีปีศาจ จิตวิญญาณ ผีร้ายหรือเดรัจฉานวิชาได้ อีกทั้งมีคุณวิเศษด้าน แคล้วคลาด คงกระชันชาตรี เป็นเยี่ยม
เนื่อง จาก “เหล็กน้ำพี้” เป็นวัตถุอาถรรพ์ที่หาได้ยากยิ่ง จึงไม่มีไว้ขายทั่วไปเนื่องจากเป็นของหายาก และมีแห่งเดียวในโลกคือที่จังหวัดอุตรดิตถ์เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันมีเพียงช่างตีเหล็กน้ำพี้ท้องถิ่น ที่สืบทอดแต่โบราณเพียงน้อยราย ที่สามารถกระทำพิธีหลอมไหลได้
ลำไย (จังหวัดลำพูน)
ลำไยเป็นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนและกึ่งร้อนของเอเชีย ซึ่งอาจมีถิ่นกำเนิดในลังกาอินเดียพม่าหรือจีนแต่ที่พบหลักฐานที่ปรากฏใน วรรณคดีของจีนในสมัยพระเจ้าเซ็งแทงของจีนเมื่อ ๑,๗๖๖ ปีก่อนคริสกาลและจากหนังสือRuYaของจีนเมื่อ ๑๑๐ ปีก่อนคริสตกาลได้มีการกล่าวถึงลำไยไว้แล้ว และชาวยุโรปได้เดินทางไปยังประเทศจีนเมื่อปีพ.ศ.๑๕๑๔ ก็เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับลำไยไว้ในปีพ.ศ.๑๕๘๕ แสดงว่าลำไยมีการปลูกในจีนที่มณฑลกวางตุ้งเสฉวนมีศูนย์กลางอยู่ที่มณฑลฟู เกียน จังหวัด ลำพูนมีภูมิประเทศที่เหมาะแก่การปลูกลำไยที่ดีที่สุดในภาคเหนือ เนื่องจากอากาศเย็นสบาย แถมชาวลำพูนยังมีความคิดในการนำลำไยมาแปรรูปเป็นอาหารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารกระป๋อง อบแห้งต่างๆ ฯลฯ
ร่มบ่อสร้าง (จังหวัดเชียงใหม่)
ร่มบ่อสร้างเป็นสินค้าที่สร้างชื่อเสียงให้แก่จังหวัดเชียงใหม่มาช้านานหลาย ชั่วอายุคนแล้ว ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่ส่วนใหญ่จะต้องแบ่งเวลาแวะ เวียนไปที่อำเภอสันกำแพง เพื่อชมและเลือกซื้อร่มบ่อสร้างที่“บ้านบ่อสร้าง”เป็นที่ระลึกติดมือกลับมา ชาวบ่อสร้างทั้งตำบลรวมไปถึงอีก 8 หมู่บ้านในตำบลใกล้เคียงของพื้นที่อำเภอสันกำแพง และอำเภอดอยสะเก็ดในจังหวัดเชียงใหม่ล้วนแต่เป็นแหล่งผลิตร่มด้วยกันทั้ง สิ้น
การ ทำร่มบ่อสร้างมีมานับร้อยปี ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงมีความถนัดในการทำร่มแตกต่างกันไปตามชิ้นส่วนที่ได้รับ มอบหมายในการผลิต เช่น หมู่บ้านสันพระเจ้างาม ผลิตหัวร่มและตุ้มร่ม บ้านออนทำโครงร่ม บ้านหนองโค้งหุ้มร่ม และลงสี บ้านแม่ฮ้อยเงิน อำเภอดอยสะเก็ดผลิตด้ามร่ม บ้านต้นเปาผลิตกระดาษสา
แต่การ ประกอบชิ้นส่วนของร่มทั้งหมดจะมารวมกันอยู่ที่บ่สร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระบายลวดลาย และสีสันบนผืนร่มที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์อันเลื่องชื่อของร่มบ่อสร้าง มีกลเม็ดเคล็ดลับในการทำร่มอยู่ที่การใช้แป้งเปียกผสมน้ำมะโก้ติดผ้า หรือกระดาษเข้ากับร่มทำให้ติดทนนานไม่หลุดร่อนก่อนเวลาอันควร และเวลาลงสีน้ำมันที่ต้องผสมกับน้ำมันมะมื้อหรือน้ำมันตังอิ๊วที่ทำให้ร่มทน แดด ทนฝน และใช้งานได้จริงไม่ว่าหน้าฝนหรือหน้าร้อน เพราะฉะนั้นนอกจากร่มบ่อสร้างจะเป็นของที่ระลึกสวยงามแล้วยังสามารถคุ้มแดด คุ้มฝนได้เป็นอย่างดี
รถม้า (จังหวัดลำปาง)
รถม้าเป็นเอกลักษณ์ประจำจังหวัดของลำปาง โดยได้ชื่ออีก1ชื่อคือ "เมืองรถม้า" ด้วยความที่ลำปางในอดีต ได้สัญจรไปมาด้วยรถม้าเป็นยานพาหนะ เปรียบได้กับแท๊กซี่ในสมัยนั้น ทุกวันนี้รถม้ามีให้ได้เห็นยากขึ้นทุกที ฉะนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางพยายามพลักดันให้รถม้าคู่กับเมืองลำปางต่อไป ยั่งยืนนาน
ถ้าใครมาลำปางแล้วไม่ได้นั่งรถม้าดูสักครั้ง ถือว่ามาไม่ถึง และ จังหวัดได้จัดเส้นทางสำหรับรถม้าโดย เฉพาะเลาะเลียบแม่น้ำวังโดยสมาคมรถม้าลำปางกำหนดค่าโดยสารแน่นอนไว้ 3 อัตรา คือ รอบเมือง เล็ก 150 บาท (25-30 นาที) รอบเมืองกลาง 200-300 บาท (45 นาที-1 ชั่วโมง) รอบเมืองใหญ่ 500 บาท (1.30 - 2 ชั่วโมง) หรือเช่าชั่วโมงละ 300 บาท คิวจอดรถม้าอยู่ที่หน้า ศาลากลางหลังเก่า บริการระหว่างเวลา 05.00-20.00 น. ส่วนบริเวณหน้าโรงแรมทิพย์ช้างลำปาง โรงแรมเวียงลคอร และโรงแรมลำปางเวียงทอง บริการระหว่างเวลา 05.00-21.00 น.
ลิ้นจี่ จังหวัดเชียงราย
ลิ้นจี่ ป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงราย เกษตรกรจังหวัดเชียงรายส่วนใหญ่ปลูกลิ้นจี่ครอบคลุมทั้ง 18 อำเภอ มีผลผลิตออกสู่ตลาดปีละหลายหมื่นตัน ลิ้นจี่เป็นพันธุ์ไม้ดั้งเดิมแถบตอนใต้ของประเทศจีน และได้แพร่หลายไปยังประเทศใกล้เคียง เช่น อินเดีย พม่า และไทย
บุคคลสำคัญที่ผลักดันให้เกษตรจังหวัดเชียงรายปลูกลิ้นจี่ได้แก่
นายใหญ่ ศิริยะราช เกษตรจังหวัดเชียงรายและ นายเล็ก ชาตเจริญ นักวิชาการเกษตรจาก ในขณะนั้น
ลิ้นจี่ที่เกษตรกรจังหวัดเชียงรายนิยมปลูกนั้น มีด้วยกันหลายสายพันธุ์
แต่พันธุ์ที่ปลูกพันมากมีอยู่ 3 พันธุ์ คือ พันธุ์ฮงฮวย
โอวเฮียะ และกิมเจ็ง ถ้าใครมาเที่ยวเชียงรายแล้วอย่าลืมหาลิ้นจี่มารับประทาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น